ชีวิตเราต้องพัฒนาตัวเองไปถึงไหน?
พัฒนาจนเหนื่อย
มีน้องๆ และเพื่อนๆ หลายคนเริ่มบ่นมากขึ้นกับการพัฒนาตัวเอง ใจความหลักของการบ่นไปในทางเดียวกันคือ ต้องพัฒนาตัวเองแค่ไหนถึงจะพอ เพราะแต่เอาเวลาไปแก้ปัญหารายวันก็แทบไม่เหลืออะไรแล้ว
หลายครั้งตัวเองก็เคยคิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่พอเหลือบดูเวินในบัญชีกับสเตทเมนท์ขัรตรเครดิตแล้วหยานเหนื่อย ไม่สิ ต้องบอกว่า เหนื่อยไม่ได้มากกว่า เพราะหนี้ตามมาเหมือนมีดแหลมจ่อคอหอย 666
ในโลกที่ใจดีบอกให้เรารู้ตัวล่วงหน้าว่า ทักษะความรู้ที่เราเคยมีจะใช้ไม่ได้อีกแล้วภายใน 3-5 ปีข้างหน้า การพัฒนาตัวเองจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับคนที่ยังต้องหารายได้ (ถ้าไม่ต้องหารายได้ ก็ไม่จำเป็นนะครับ) แต่ถ้าทำแบบไม่พอดี มันอาจทำให้เรารู้สึกเหนื่อยจนเกินไป สุดท้ายกลายเป็นว่าทำร้ายตัวเองโดยไม่รู้ตัว
เข้าใจว่าทุกคนอยากเป็นเวอร์ชันที่ดีที่สุดของตัวเอง แต่มันไม่ได้หมายความว่าต้องเปลี่ยนทุกอย่างในชั่วข้ามคืน หรือพยายามจนหมดแรง เราให้เวลากับตัวเองบ้างก็ได้
ปัญหาของคนที่พัฒนาตัวเองจนเหนื่อย คิดว่าน่าจะมีสาเหตุหลักจาก 4 เรื่องคือ
– พัฒนาโดยไม่รู้ว่ากำลังพัฒนาตัวเองผิดเรื่อง (ไปพัฒนาเรื่องที่เราไม่มีศักยภาพ/ไม่เด่ง)
– ไม่รู้ขั้นตอนการทำที่ถูกต้อง (ผิดวิธี ทำข้ามขั้น ฯลฯ)
– พัฒนาแล้วไม่ได้เอาไปต่อยอดใช้งานจริง (ไม่เกิดผลลัพธ์) จนเป็นองค์ความรู้ของตัวเอง
– พยายามพัฒนาตัวเองหลายอย่างพร้อมกัน จนขาดการโฟกัสให้เกิดความก้าวหน้า
หลังจากที่ตัวเองล้มลุกคลุกคลานกับการพัฒนาตัวเองมาไม่ต่ำกว่า 20 รอบ สุดท้ายสกัดออกมาเป็นแนวทาง 5 ข้อนี้ เผื่อใครอยากเอาไปลองใช้
1. ให้พัฒนาตัวเองจากเรื่องที่เรามีศักยภาพ
เรื่องนี้ต้องเริ่มจากการเปลี่ยนมุมมองของเรากับคำว่าศักยภาพใหม่ว่า
ศักยภาพของเราไม่ใช่เรื่องของพรสวรรค์หรือเรื่องที่เราทำสำเร็จเท่านั้น มันคือการค่อยๆ มีพัฒนาการและความก้าวหน้าของเรา
แปลง่ายๆ คือ อะไรที่เราทำแล้วมีพัฒนาการ แปลว่าเรามีศักยภาพในเรื่องนั้น จะมากจะน้อยก็ขึ้นกบู่ที่ความก้าวหน้าของเรานั่นเอง
ความก้าวหน้านั้น อย่าไปเปรียบเทียบกับใครเด็ดขาด ให้เน้นที่การพัฒนาตัวเองในแบบที่เราเป็น ตามวิธีที่เราทำ แล้วเราจะเห็นความก้าวหน้าในแบบที่ไม่เคยคิดมาก่อน
วิธีไหนใช้ได้ ทำต่อ
วิธีไหนใช้ไม่ได้ ลองวิธีใหม่
2. ทัศนคติสำคัญมาก
การมีทัศนคติที่พร้อมเรียนรู้แบบพร้อมจะล้ม คือกุญแจที่เปิดศักยภาพที่ซ่อนอยู่ ถ้าเรามีความเชื่อว่าตัวเองสามารถเติบโตและเรียนรู้ได้ มันจะทำให้เราก้าวผ่านความท้าทายต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น นึกถึงตอนเราเป็นเด็กที่กำลังอยากหัดขี่จักรยาน เรารู้แน่ๆ ว่าเราต้องล้มแต่เราก็จะลอง ทัศนคติแบบนั้นล่ะครับที่เราต้องดึงกลับมาใช้ีครั้งในวันนี้
3. ความล้มเหลวคือครูที่ดีที่สุด
การพัฒนาตัวเองไม่มีทางที่เราจะทำสำเร็จทุกคร้ัง ความผิดพลาดและการล้มเหลวคือส่วนหนึ่งของกระบวนการ มันไม่ใช่อุปสรรค แต่มันคือก้าวที่เราจะได้เรียนรู้
ถ้าเรามองว่าความล้มเหลวคือเรื่องปกติ ขำๆ กับมันได้ สุดท้ายแล้วเราจะพัฒนาตัวเองได้ดีขึ้นเรื่อย ๆ
4. ไม่รอโอกาส แต่จงสร้างโอกาสเพื่อทดสอบตัวเอง
บางครั้งโอกาสอาจจะไม่เข้ามาหาเรา แต่เราไม่ต้องรอ เราสามารถสร้างโอกาสขึ้นมาเองได้ ลุกขึ้นมาลงมือทำ คิดนอกกรอบ และหาหนทางที่สอดคล้องกับเป้าหมายของตัวเอง เมื่อเราเป็นฝ่ายลงมือ เราจะเห็นว่าโอกาสอยู่รอบ ๆ ตัวเราเสมอ
5. หาคนที่เข้าใจและสนับสนุน
เข้าใจอะไร – เข้าใจว่ามันใช้เวลา มันอาจจะมีถูกบ้าง ผิดบ้าง อย่าเร่ง อย่าบ่น อย่าซ้ำเติม
สนับสนุนอะไร – กำลังใจ ถามไถ่สารทุกข์ ช่วยหาตัวช่วย และมีอีกหลายวิธีที่จะช่วยกันได้
การพัฒนาตัวเองไม่ได้หมายความว่าเราต้องเดินทางนี้คนเดียว การมีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ 2-3 คน ที่เข้าใจและสนับสนุนจะทำให้การเดินทางนี้ง่ายขึ้นและน่าสนุกยิ่งขึ้น รวมถึงการได้มุมมองใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยเห็น
การพัฒนาตัวเองเป็นเรื่องที่ทำแล้วห้ามหยุด แต่เร็วบ้าง ช้าบ้างก็ไม่เป็นไร เมื่อเราเปิดใจที่จะเรียนรู้และรับประสบการณ์ใหม่ ๆ อยู่เสมอ เราจะปลดล็อกศักยภาพใหม่ ๆ ในตัวเองและพาตัวเองไปสู่จุดใหม่ได้ทุกครั้ง
ส่วนใครที่วันนี้รู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน
ลองหยุดพักสักวัน ก็ไม่ใช่เรื่องร้ายแรง
เมื่อใจกลับมาพร้อม แล้วค่อยเริ่มต้นอีกทีก็ยังไม่สายนะครับ