


เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโรคที่เราสามารถพบบ่อย และสามารถเกิดขึ้นกับทุกคนได้ และมีความอันตรายถ้าไม่รีบรักษา นิ่วในถุงน้ำดีนั้นเกิดจากการตกตะกอนของหินปูนหรือคอเลสเตอรอลในน้ำดี ทำให้เกิดนิ่ว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งโรคที่หลายๆคนไม่ควรไม่ข้าม
วันนี้เราจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ นิ่วในถุงน้ำดีกันให้มาก จะได้เป็นประโยชน์และแนวทางการดูแลรักษาได้ทันท่วงทีอีกด้วย จะมีอะไรบ้างนั้น ไปทำความรู้จักพร้อมกันเลยค่ะ
โดยลักษณะนิ่วมี 3 ประเภท ได้แก่
1.นิ่วจากคอเลสเตอรอล (Cholesterol Stones) อาจเป็นสีเหลือง ขาว เขียวเกิดจากการตกตะกอนไขมัน เนื่องจากคอเลสเตอรอลเพิ่มมากขึ้นในถุงน้ำดี
2.นิ่วจากเม็ดสี (Pigment Stones) อาจเป็นสีคล้ำดำ เกิดจากความผิดปกติของเลือด โลหิตจาง ตับแข็ง
3.นิ่วโคลน (Mixed Gallstones) เป็นคล้ายโคลน เหนียว หนืด เกิดจากการติดเชื้อใกล้ตับ ท่อน้ำดี ตับอ่อน
จะรู้ได้อย่างไรว่าเป็นนิ่ว
โดยทั่วไปแล้วนิ่วในถุงน้ำดีจะไม่แสดงการเกิดอาการ ผู้ป่วยมักจะทราบว่าเป็นโรคก็ต่อเมื่อมาตรวจสุขภาพหรือพบแพทย์ด้วยปัญหาสุขภาพอื่นๆ หรืออาจจะมีการแสดงอาการหากก้อนนิ่วติดค้างอยู่ที่ปากทางออกของถุงน้ำดีและเกิดการอุดตัน ดังนี้
1.ท้องอืด
2.แน่นท้อง
3.ปวดใต้ลิ้นปี่/ชายโครงด้านขวา
4.ปวดร้าวที่ไหล่/หลังขวา
5.คลื่นไส้อาเจียน (ถุงน้ำดีติดเชื้อ)
6.มีไข้หนาวสั่น
7.ดีซ่าน/ตัว-ตาเหลือง (เมื่อก้อนนิ่วอุดในท่อน้ำดี)
8.ปัสสาวะสีเข้ม (เมื่อก้อนนิ่วอุดในท่อน้ำดี)
9.อุจจาระสีขาว (เมื่อก้อนนิ่วอุดในท่อน้ำดี)
การป้องกันนิ่วในถุงน้ำดี
1.ควรรับประทานอาหารให้ตรงเวลาและครบมื้อทุกวัน
2.ควรควบคุมน้ำหนัก และระดับไขมันในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการหลั่งคอเลสเตอรอลในน้ำดีมากเกินไป
3.หากต้องการลดน้ำหนัก ควรลดอย่างถูกวิธีและค่อยเป็นค่อยไป เพราะการที่น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว จะทำให้ตับหลั่งคอเลสเตอรอลในน้ำดีมากกว่าปกติ