เบกกิ้งโซดา กับ ผงฟู คู่หูขนมฟู ต่างกันอย่างไร

เบกกิ้งโซดา กับ ผงฟู คู่หูขนมฟู ต่างกันอย่างไร

เบกกิ้งโซดา (Baking Soda) และผงฟู (Baking Powder) เป็นสารที่ใช้ทำให้ขนมขึ้นฟู หลายคนอาจเข้าใจผิดคิดว่าเป็นสิ่งเดียวกัน แต่จริงๆแล้ว ทั้งสองมีองค์ประกอบและการทำงานที่ต่างกัน บทความนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับเบกกิ้งโซดาและผงฟู ว่ามีความเหมือนและแตกต่างกันอย่างไร รวมไปถึงข้อควรระวังและวิธีการใช้ที่ถูกต้อง

ความเหมือน

เบกกิ้งโซดาและผงฟูมีหน้าที่หลักคือ ทำให้ขนมขึ้นฟู โดยอาศัยปฏิกิริยาเคมีที่เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์

ทั้งสองชนิดสามารถใช้ในสูตรขนมอบได้หลากหลาย เช่น เค้ก คุกกี้ คัพเค้ก มัฟฟิน

ความแตกต่าง

องค์ประกอบ: เบกกิ้งโซดาคือโซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium Bicarbonate) เป็นสารด่างอ่อนๆ ส่วนผงฟูคือ เบกกิ้งโซดาผสมกับกรด เช่น ครีมออฟทาร์ทาร์ (Cream of Tartar) โมโนแคลเซียมฟอสเฟต (Monocalcium Phosphate)

การทำงาน: เบกกิ้งโซดาจะทำปฏิกิริยากับกรดในส่วนผสมอื่นๆ ของสูตร เช่น โยเกิร์ต น้ำมะนาว น้ำส้มสายชู ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ส่วนผงฟูมีกรดผสมอยู่แล้ว จึงสามารถทำปฏิกิริยากับความชื้นในส่วนผสม ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้โดยไม่ต้องมีส่วนผสมอื่น

ความแรง: เบกกิ้งโซดามีฤทธิ์ในการทำให้ฟูมากกว่าผงฟู

รสชาติ: เบกกิ้งโซดามีรสเค็มเล็กน้อย อาจทำให้ขนมมีรสเฝื่อนได้หากใช้มากเกินไป ส่วนผงฟูไม่มีรส

การใช้แทนกัน

เบกกิ้งโซดา ไม่สามารถใช้แทน ผงฟู ได้โดยตรง

เพราะสูตรขนมที่ใช้ผงฟู มักไม่มีส่วนผสมที่มีกรด

ผงฟู สามารถใช้แทน เบกกิ้งโซดา ได้

แต่ต้องปรับสูตรโดยใส่กรดเพิ่ม เช่น น้ำมะนาว น้ำส้มสายชู

ข้อควรระวัง

ควรใช ้เบกกิ้งโซดา และ ผงฟู ในปริมาณที่เหมาะสมตามสูตร

เก็บ เบกกิ้งโซดา และ ผงฟู ในภาชนะที่ปิดมิดชิด เพื่อป้องกันความชื้นและแสงแดด

ตัวอย่างสูตรขนม

เค้กช็อกโกแลต: ใช้ผงฟู

คุกกี้เนย: ใช้เบกกิ้งโซดา

มัฟฟินกล้วย: ใช้ผงฟู