นิสัยร้ายของหัวหน้า

การทำงานเป็นทีมที่ราบรื่น ย่อมนำไปสู่ความสำเร็จขององค์กร แต่หากขาดผู้นำที่เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ รู้จักขับเคลื่อนพลังใจของลูกน้อง องค์กรนั้นก็เปรียบเสมือนเรือที่ไร้กัปตัน ล่องลอยไร้จุดหมาย บทความนี้จึงขอหยิบยก 4 นิสัยร้ายของหัวหน้า ที่อาจทำลายไฟในตัวพนักงาน ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน และสร้างบรรยากาศตึงเครียดภายในองค์กร

1. หัวหน้าจอมบงการ สั่งการโดยไม่ฟัง

หัวหน้าประเภทนี้มักยึดติดกับความคิดของตัวเอง มองข้ามความคิดเห็นของลูกน้อง สั่งงานโดยไม่คำนึงถึงสถานการณ์หรือความสามารถของลูกน้อง สไตล์การทำงานแบบนี้ปิดกั้นโอกาสในการเติบโตของพนักงาน ทำให้พวกเขารู้สึกไร้ค่า ไร้ความคิดสร้างสรรค์ ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน

2. หัวหน้าขี้โมโห อารมณ์แปรปรวน

การทำงานกับหัวหน้าที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ย่อมสร้างความหวาดกลัว กดดัน และความเครียดให้กับลูกน้อง บรรยากาศการทำงานที่ตึงเครียด ส่งผลต่อสุขภาพจิตและประสิทธิภาพการทำงาน

3. หัวหน้าขี้ติ ติเพื่อติ ไม่เคยชมเชย

การติติงเป็นสิ่งจำเป็น แต่การติเพื่อติ โดยไม่เคยให้คำชมเชย ย่อมบั่นทอนกำลังใจของพนักงาน ทำให้พวกเขารู้สึกท้อแท้ หมดไฟในการทำงาน

4. หัวหน้าขี้เกียจ มองข้ามความรับผิดชอบ

หัวหน้าที่ดีควรเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกน้อง แต่หากหัวหน้าเองกลับไม่ทุ่มเท ทำงานส่งเดช มองข้ามความรับผิดชอบ ย่อมสร้างความไม่พอใจให้กับลูกน้อง

ผลร้ายของการมีหัวหน้าที่มีนิสัยร้าย

พนักงานหมดไฟ ไม่อยากทำงาน

ประสิทธิภาพการทำงานต่ำ

เกิดปัญหา พนักงานลาออกบ่อย

บรรยากาศการทำงานตึงเครียด

องค์กรเสียชื่อเสียง

วิธีแก้ไข

หัวหน้าควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เรียนรู้ที่จะรับฟัง เข้าใจ และเห็นอกเห็นใจลูกน้อง

สร้างบรรยากาศการทำงานที่เอื้อต่อการเติบโต ส่งเสริมให้พนักงานคิดวิเคราะห์ มีความคิดสร้างสรรค์

ชมเชยให้กำลังใจ เมื่อลูกน้องทำงานดี

หัวหน้าควรเป็นตัวอย่างที่ดี แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเท และความรับผิดชอบ

บทสรุป

หัวหน้าที่ดีเปรียบเสมือนเข็มทิศนำทางให้ลูกน้อง มุ่งสู่อนาคตที่สดใส การมีหัวหน้าที่มีนิสัยดี เข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ ย่อมสร้างแรงจูงใจ ส่งเสริมให้พนักงานทำงานอย่างเต็มศักยภาพ นำไปสู่ความสำเร็จขององค์กร