การเปลี่ยนสีผมเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเปลี่ยนลุคและสร้างความมั่นใจให้กับตัวเอง ในบทความนี้ เราจะพาคุณไปสำรวจสีผมยอดฮิตที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบัน พร้อมแนะนำวิธีเลือกสีผมที่เหมาะกับสีผิวของคุณ ไม่ว่าคุณจะต้องการเปลี่ยนลุคแบบจัดเต็มหรือแค่อยากลองอะไรใหม่ๆ บทความนี้จะช่วยให้คุณค้นพบสีผมที่ใช่สำหรับคุณ
เทรนด์สีผมยอดฮิตล่าสุด
1. สีบลอนด์หลากหลายเฉดสี
สีบลอนด์ยังคงครองใจสาวๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้มีหลากหลายเฉดสีให้เลือก:
- บลอนด์แชมเปญ: สีทองอ่อนนุ่มนวลดูหรูหรา
- บลอนด์เถ้า: สีเทาอมเงินดูเท่และทันสมัย
- บลอนด์น้ำผึ้ง: สีทองอมน้ำตาลอ่อนดูอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ
สถิติจาก Pinterest เผยว่า การค้นหาสีผมบลอนด์เพิ่มขึ้น 35% ในปีที่ผ่านมา
2. สีน้ำตาลคาราเมล
สีน้ำตาลคาราเมลเป็นอีกหนึ่งสีที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เนื่องจากให้ลุคที่ดูอบอุ่นและเป็นธรรมชาติ เหมาะกับสาวเอเชียที่มีผิวสีน้ำผึ้งหรือผิวสีแทน
3. สีผมแฟนตาซี
สีผมแฟนตาซียังคงเป็นที่นิยม โดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นและคนที่ชอบแสดงออกถึงความเป็นตัวเอง สีที่กำลังมาแรง ได้แก่:
- สีพาสเทล: ชมพูอ่อน, ฟ้าอ่อน, ม่วงอ่อน
- สีสด: น้ำเงินอมเขียว, ม่วงเข้ม, แดงสด
การสำรวจพบว่า 45% ของผู้หญิงอายุ 18-24 ปี เคยทดลองย้อมผมสีแฟนตาซีอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
การเลือกสีผมให้เข้ากับสีผิว
สำหรับผิวขาว
- สีบลอนด์เถ้า
- สีน้ำตาลเข้ม
- สีแดงเชอร์รี่
สำหรับผิวสีน้ำผึ้ง
- สีน้ำตาลคาราเมล
- สีทองแดง
- สีบลอนด์น้ำผึ้ง
สำหรับผิวสีแทน
- สีน้ำตาลช็อคโกแลต
- สีแดงเข้ม
- สีบลอนด์ทอง
การเลือกสีผมที่เหมาะสมกับสีผิวจะช่วยให้ใบหน้าดูสว่างสดใสและเสริมบุคลิกภาพของคุณได้อย่างลงตัว
เทคนิคการย้อมผมให้สวยและรักษาสีผมให้ติดทนนาน
1. เตรียมผมให้พร้อมก่อนย้อม
- ใช้แชมพูลดความมันบนเส้นผมก่อนย้อม 1-2 วัน
- หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมในวันที่จะย้อม
2. เลือกผลิตภัณฑ์ย้อมผมที่มีคุณภาพ
- เลือกสีย้อมผมที่มีส่วนผสมของคอลลาเจนและเคราติน
- หากย้อมเองที่บ้าน ควรเลือกแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและได้รับการรับรองมาตรฐาน
3. ดูแลผมหลังย้อม
- ใช้แชมพูและครีมนวดสำหรับผมทำสีโดยเฉพาะ
- หลีกเลี่ยงการสระผมบ่อยเกินไป (ไม่ควรเกิน 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์)
- ใช้หมวกอาบน้ำเมื่อต้องโดนน้ำเป็นเวลานาน
การสำรวจพบว่า 78% ของผู้หญิงที่ย้อมผมรายงานว่าการใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผมทำสีช่วยให้สีผมติดทนนานขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ข้อควรระวังในการย้อมผม
1. ทดสอบการแพ้
ก่อนย้อมผม ควรทดสอบการแพ้โดยทาสีย้อมผมบริเวณหลังหูหรือข้อพับแขนและทิ้งไว้ 24-48 ชั่วโมง หากไม่มีอาการแพ้ จึงค่อยย้อมผมทั้งศีรษะ
2. ระวังการย้อมผมบ่อยเกินไป
ไม่ควรย้อมผมบ่อยกว่าทุก 6-8 สัปดาห์ เพื่อป้องกันผมเสียและแห้งเสีย
3. ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผม
ใช้ทรีทเมนต์บำรุงผมอย่างสม่ำเสมอเพื่อฟื้นฟูผมที่เสียจากการย้อม
สถิติแสดงให้เห็นว่า 65% ของผู้หญิงที่ย้อมผมเป็นประจำรายงานว่าผมมีอาการเสียหรือแห้งเสียในระดับหนึ่ง
เทรนด์การย้อมผมที่กำลังมาแรง
1. Balayage
เทคนิคการไฮไลท์ผมแบบธรรมชาติ ให้ลุคสวยเหมือนผมถูกแสงแดดส่องกระทบ
2. Ombre
การไล่สีจากโคนผมเข้มไปปลายผมอ่อน สร้างมิติให้กับทรงผม
3. Money Piece
การทำไฮไลท์บริเวณหน้าผมให้สว่างกว่าส่วนอื่น ช่วยเพิ่มความโดดเด่นให้กับใบหน้า
การสำรวจพบว่า 40% ของร้านทำผมรายงานว่าลูกค้าขอทำ Balayage มากขึ้นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
สรุป
การเลือกสีผมที่ใช่ไม่เพียงแต่จะช่วยเสริมบุคลิกภาพของคุณ แต่ยังสามารถเพิ่มความมั่นใจให้กับคุณได้อีกด้วย ไม่ว่าคุณจะเลือกสีผมยอดฮิตแบบไหน สิ่งสำคัญคือต้องดูแลผมให้ดีทั้งก่อนและหลังการย้อม เพื่อให้ผมของคุณสวยเงางามและมีสุขภาพดีอยู่เสมอ
คุณชอบสีผมไหนมากที่สุด? แชร์ความคิดเห็นของคุณบนโซเชียลมีเดียพร้อมแฮชแท็ก #สีผมยอดฮิต และแท็กเราเพื่อโอกาสในการรับส่วนลดพิเศษสำหรับการทำผมครั้งต่อไปของคุณ!
แหล่งข้อมูล
- “Hair Color Trends 2023” – Allure Magazine https://www.allure.com/gallery/hair-color-trends
- “How to Choose the Right Hair Color for Your Skin Tone” – Cosmopolitan https://www.cosmopolitan.com/style-beauty/beauty/advice/a5018/hair-color-for-skin-tone/
- “Hair Coloring Statistics” – Professional Beauty Association https://probeauty.org/research-and-statistics/
- “Hair Care Tips for Colored Hair” – L’Oréal Paris https://www.lorealparisusa.com/beauty-magazine/hair-care/colored-hair
- “Popular Hair Coloring Techniques” – Schwarzkopf Professional https://www.schwarzkopf-professional.com/en/hair-color/techniques
#สีผมยอดฮิต #ทรงผมสวย #เทรนด์ผม2023 #ย้อมผม #บำรุงผม












